คำถามเกี่ยวกับการเทรดหุ้น
Credit Limit, Line Available, Cash Balance แตกต่างกันอย่างไร?

Credit Limit หมายถึง วงเงินซื้อสูงสุดต่อวันที่ได้รับอนุมัติจากทางบริษัทฯ โดยท่านสามารถซื้อหลักทรัพย์ได้สูงสุดต่อวันไม่เกิน Credit Limit ที่ปรากฏ

Line Available หมายถึง ยอดเงินที่แท้จริงของท่าน ณ ขณะนั้น ซึ่ง Line Available จะเป็นการอัพเดทแบบ Real-time โดยที่ยอดเงินจะลดลงทันทีที่ลูกค้าตั้งออเดอร์ซื้อ แม้สถานะออเดอร์จะยังเป็น Open (ตั้งรอแต่ยังไม่match) และเงินจะกลับคืนทันทีที่ลูกค้าแคนเซิลออเดอร์นั้นออก
**เราแนะนำให้ท่านดูยอดเงินคงเหลือจากช่องนี้เป็นหลัก หากเงินที่ท่านมีเกินวงเงิน (Credit Limit) แนะนำให้ขยายวงเงิน

Cash Balance หมายถึง มูลค่าเงินสดที่อยู่ในบัญชี ซึ่งมูลค่านี้จะไม่อัพเดทแบบ Real-time และไม่ได้สะท้อนมูลค่าเงินสดที่แท้จริงที่ท่านสามารถถอนได้ เนื่องจากกระบวนการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ (Settlement) จะใช้เวลา 2 วัน หลังการซื้อขาย (T+2) ตัวเลขในช่องนี้จึงมีการเปลี่ยนแปลงช้าที่สุด เพราะต้องทำการชำระราคาและส่งมอบกันจริงก่อน โดยจะอัพเดทสมบูรณ์ในวันที่ T+3

 

ความแตกต่างระหว่าง ยอดเงินที่แท้จริง (Line Available) กับ วงเงินซื้อขายสูงสุดต่อวัน (Credit Limit)?
โดยปกติลูกค้าจะมีวงเงินซื้อขายสูงสุดต่อวันตามที่บริษัทฯ กำหนด (Credit Limit) หากลูกค้ามีการฝากเงินเข้ามามากกว่าวงเงินที่ได้รับ ระบบจะแสดงยอดเงินให้เห็นเทียบเท่ากับยอดวงเงินซื้อขายสูงสุดต่อวัน (Credit Limit) เท่านั้น เช่น หากลูกค้ามีวงเงินซื้อขาย (Credit Limit) เท่ากับ 500,000 บาท แต่ลูกค้ามีการฝากเงินเข้า 700,000 บาท (เกินวงเงินที่ได้รับ) ระบบจะแสดงยอดเงิน 500,000 ในช่องยอดเงินที่แท้จริง (Line Available) ซึ่งลูกค้าสามารถทำการซื้อหลักทรัพย์ได้สูงสุด 500,000 บาทในวันนั้น หากทำการซื้อไปแล้ว ระบบจะแสดงยอดเงินส่วนเกินวงเงินที่เหลือในวันถัดไป
 
ตัวอย่าง
วันที่ 1 วงเงินซื้อสูงสุดต่อวัน (Credit Limit) 500,000 บาท ฝากเงิน 700,000 บาท ระบบจะแสดงตัวเลขดังนี้
Line Available:           500,000 (มีส่วนเกิน Credit Limit ที่ไม่แสดง 200,000 บาท)
Credit Limit:              500,000
และหากในวันนี้ลูกค้าทำการซื้อหลักทรัพย์ไป 400,000 บาท ระบบจะแสดง
Line Available:          100,000 << เกิดจาก 500,000 บาท – ยอดซื้อ 400,000 บาท
Credit Limit:              500,000
 
วันที่ 2 วงเงินซื้อสูงสุดต่อวัน (Credit Limit) 500,000 บาท ระบบจะแสดงตัวเลขดังนี้
Line Available:          300,000 << เกิดจาก 100,000 บาท ที่เหลือเมื่อวาน รวมกับส่วนเกิน Credit Limit ที่ไม่แสดงเมื่อวาน 200,000 บาท
Credit Limit:             500,000
และหากในวันนี้ลูกค้าทำการขายหลักทรัพย์ไป 400,000 บาท ระบบจะแสดง
Line Available:          500,000 << เกิดจาก 300,000 ที่มี + ยอดขาย 400,000 รวมเป็น  700,000 แต่ระบบจะแสดงไม่เกิน Credit Limit
Credit Limit:             500,000
 
จากข้อจำกัดดังกล่าว เราขอแนะนำให้ลูกค้าทำการขยายวงเงิน เพื่อความคล่องตัวในการซื้อขาย วิธีการเพิ่มวงเงิน คลิกที่นี่
การซื้อขายในกระดานเศษหุ้น (Odd lot)?
หากท่านมีความประสงค์ซื้อ/ขายหุ้น ในจำนวนที่ไม่ครบ board lot ปกติ (100 หุ้น) ท่านสามารถส่งคำสั่งซื้อ/ขายเศษหุ้นได้ โดยดูราคาจากในกระดาน Odd Lot  เช่น หากท่านต้องการขายหุ้น XXYY ที่มีอยู่ 329 หุ้น ให้ท่านทำการส่งคำสั่ง 300 หุ้นโดยอ้างอิงราคาจากกระดานซื้อ/ขายปกติ และเศษหุ้นอีก 29 หุ้น ให้ส่งคำสั่งแยกออกมาโดยอ้างอิงราคาจากกระดานเศษหุ้น วิธีการดังนี้

Streaming ใน โทรศัพท์มือถือ
  • เลือก My Menu ในส่วนของ Standard Menu ซึ่งอาจถูกซ่อนไว้ กด View More เพื่อขยายส่วนที่ถูกซ่อน

  • เลือกเมนู Odd lot ระบุชื่อหุ้นเพื่อดูราคา bid offer ในกระดาน และกลับไปส่งคำสั่งในหน้า BUY/SELL ตามปกติ ราคาในกระดาษเศษหุ้นจะแตกต่างกับราคาในกระดานหลัก




Streaming ใน PC
เลือกแถบ Quote ด้านบนสุดของโปรแกรม จากนั้นเลือกแถบ Odd Lot หน้าจอจะแสดงราคาและปริมาณในกระดานเศษหุ้นที่แตกต่างจากราคาในกระดานหลัก โดยลูกค้าสามารถส่งคำสั่งซื้อ/ขายเศษหุ้นในแถบซื้อ/ขายตามปกติ แต่ดูราคาจากกระดานเศษหุ้นแทน

?
 
ส่งคำสั่งซื้อหุ้นแล้วสถานะขึ้น Cancel ตลอด?
ในกรณีที่นักลงทุนส่งคำสั่งซื้อหุ้น แล้วสถานะแสดงว่า Cancel มักเกิดขึ้นจาก 2 สาเหตุหลักๆ ดังนี้
  1. หลักประกันไม่เพียงพอ
  • บัญชี Cash  Balance ต้องมีการวางหลักประกันเต็มจำนวนก่อนส่งคำสั่ง
  • บัญชี Cash ต้องมีการวางหลักประกัน 20% ก่อนส่งคำสั่ง
  • บัญชี Credit Balance ต้องมีการวางหลักประกันตามสัดส่วนของ Marginable list  (ดูอัตราหลักประกัน คลิกที่นี่)
*** โดยนักลงทุนสามารถตรวจสอบในช่อง Line available ภายในแอปพลิเคชั่นสตรีมมิ่งว่ามีหลักประกันเพียงพอสำหรับการส่งคำสั่งหรือไม่


 
  • บัญชี TFEX ต้องมีการวางหลักประกัน IM ตามประเภทของสินค้า (ดูอัตราหลักประกัน คลิกที่นี่)
*** ตรวจสอบในช่อง Equity ที่แสดงอยู่ในแอปพลิเคชั่นสตรีมมิ่งว่ามีหลักประกันเพียงพอสำหรับการส่งคำสั่งหรือไม่


 
  1. บัญชีถูกล็อค
นักลงทุนต้องดำเนินการทำแบบทบทวนข้อมูลประจำปีและแบบประเมินความเสี่ยงในการลงทุน (KYC & Suitability test) ทุกๆ 2 ปี หากไม่มีการอัพเดทข้อมูลดังกล่าว บัญชี SBITO ของนักลงทุนจะถูกล็อคชั่วคราว ดังนั้น
  • ให้นักลงทุนดำเนินการทำแบบประเมิน โดยล็อกอินที่ www.sbito.co.th >> ข้อมูลลูกค้า >> KYC & Suitability test ทำแบบทบทวนข้อมูลประจำปี >> ทำแบบประเมินความเสี่ยงในการลงทุน และกดยืนยัน หลังจากทำรายการเรียบร้อยท่านจะสามารถส่งคำสั่งซื้อ/ขายได้ในวันทำการถัดไป (หรือ หากต้องการปลดล็อคบัญชีแบบเร่งด่วนกรุณาติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์)
 
กรณีอื่นๆ นอกเหนือจากสาเหตุด้านบน กรุณาติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ที่ 02-022-1499
ระบบการคำนวนต้นทุนแบบ FIFO คืออะไร?
FIFO คือ ระบบการคำนวนแบบ First in - First out หรือ เข้าก่อนออกก่อน ซึ่งในบางครั้งนักลงทุกอาจมีการซื้อหุ้นโดยแบ่งออกเป็นหลายราคาและจำนวน หากมีการขายหุ้น ระบบจะนำหุ้นที่ซื้อลำดับแรกออกไปขายก่อน ทำให้ในบางครั้งต้นทุนของลูกค้าที่แสดงเปลี่ยนแปลงไป เช่น
       
วันที่ 1 ซื้อหุ้น XXYY จำนวน 10,000 หุ้นที่ราคา 5 บาท (ล็อตที่ 1)
วันที่ 2 ซื้อหุ้น XXYY จำนวน 10,000 หุ้นที่ราคา 4.50 บาท (ล็อตที่ 2)
วันที่ 3 ซื้อหุ้น XXYY จำนวน 10,000 หุ้นที่ราคา 4 บาท (ล็อตที่ 3)
วันที่ 4 ซื้อหุ้น XXYY จำนวน 10,000 หุ้นที่ราคา 3.50 บาท (ล็อตที่ 4)
ราคาเฉลี่ยของหุ้น XXYY จำนวน 40,000 หุ้น อยู่ที่ 4.25 บาท (ราคาเฉลี่ยล็อตที่ 1,2,3,4)
 
วันที่ 5 ขายหุ้น XXYY จำนวน 10,000 หุ้น (ระบบจะขายล็อตที่ 1 ก่อน) ราคาเฉลี่ยที่แสดงในวันทำการถัดไปจะแสดงยอดคงเหลือ 30,000 หุ้น ที่ราคา 4 บาท (ราคาเฉลี่ยล็อตที่ 2, 3 และ 4) โดยระบบ FIFO จะคำนวนแบบเข้าก่อนออกก่อน
 
วันที่ 6 ขายหุ้น XXYY จำนวน 5,000 หุ้น (ระบบจะขายล็อตที่ 2 ออกบางส่วน (5,000 หุ้น)) ราคาเฉลี่ยที่แสดงในวันทำการถัดไปจะแสดงยอดคงเหลือ 25,000 หุ้น ที่ราคา 3.90 บาท (ราคาเฉลี่ยล็อตที่ 2 ส่วนที่เหลือ (5,000หุ้น), ล็อตที่3 และ 4) โดยระบบ FIFO จะคำนวนแบบเข้าก่อนออกก่อน
 
วันที่ 7 ขายหุ้น XXYY จำนวน 15,000 หุ้น (ระบบจะขายล็อตที่ 2 ส่วนที่เหลือ (5,000 หุ้น) และล็อตที่ 3 (10,000 หุ้น)) ราคาเฉลี่ยที่แสดงในวันทำการถัดไปจะแสดงยอดคงเหลือ 10,000 หุ้น ที่ราคา 3.50 บาท (ล็อตที่ 4 เนื่องจากล็อตก่อนหน้าถูกขายออกไปทั้งหมดแล้ว) โดยระบบ FIFO จะคำนวนแบบเข้าก่อนออกก่อน
 
ดังนั้น แนะนำให้ลูกค้าทำการบันทึกรายการซื้อ-ขายหลักทรัพย์ด้วยตนเองเพิ่มเติม เพื่อป้องกันความสับสน หรือเข้าใจผิดจากการแสดงผลในรูปแบบ FIFO ดังกล่าว
การส่งคำสั่งซื้อ ATO/ATC ในช่วง pre-open/call market คำนวณเงินจากยอดใด?
การส่งคำสั่งซื้อด้วยราคา ATO ในช่วง pre-open และ ATC ในช่วง call market ระบบจะคำนวณจากราคาสูงสุด (Ceiling) ของหลักทรัพย์นั้นเพื่อใช้ในการกันหลักประกันจาก Line Available
 
เช่น หากลูกค้าซื้อหุ้น XXYY ที่ราคา ATO จำนวน 300 หุ้น และราคา Ceiling ของหุ้น XXYY ในวันนั้นคือ 10 บาท ระบบจะกันเงินออกจาก Line Available เป็นจำนวน 3,000 บาท หากลูกค้ามีเงินไม่เพียงพอ ออเดอร์ดังกล่าวจะแสดงสถานะ Cancel เนื่องจากจำนวนเงินไม่เพียงพอ
เราแนะนำให้ลูกค้าตรวจสอบราคาสูงสุด (Ceiling)  และ ยอดเงินใน Line Available ให้สอดคล้องกัน เพื่อให้ส่งคำสั่งได้อย่างถูกต้องรวดเร็ว
ซื้อหุ้นตัวแรกเลือกอย่างไรดี
มีเงินเท่าไหร่ถึงเล่นหุ้นได้
คำนวณค่าคอมมิชชั่น